จังหวัดลพบุรี อาจขึ้นชื่อเรื่องสถานที่ท่องเที่ยว เชิงประวัติศาสตร์ เป็นเมืองโบราณสถานแห่งสำคัญที่ตกทอดมาจากอาณาจักรละโว้ เป็นเมืองท่องเที่ยวที่มี ลิงเป็นสัตว์คู่บ้าน แต่ถึงกระนั้นยังมีหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวเชิงเกษตร ที่สามารถมานั่งพักผ่อนหย่อนใจ พร้อมดื่มด่ำกับธรรมชาติไปด้วยพร้อมกัน นั่นก็คือเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์โครงการในพระราชดำริ ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในปี พ.ศ. 2532 ที่ให้กรมชลประทานศึกษาความเหมาะสม ของโครงการเพื่อเร่งแก้ปัญหาการขาดแคลนน้ำในพื้นที่ทำการเกษตร และเพื่อบรรเทาปัญหาอุทกภัยในเขตพื้นที่ลุ่มแม่น้ำป่าสักและแม่น้ำเจ้าพระยาตอนล่าง
เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ เริ่มอนุมัติโครงการในปี พ.ศ. 2537 และใช้เวลาก่อสร้างกว่า 5 ปี จนสามารถเริ่มเก็บกักน้ำ ได้ครั้งแรกเมื่อวันที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2541 และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนิน ทรงเปิดเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ในวันที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2542
มาถึงเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ต้องแวะนั่งรถรางชมเขื่อน รถรางของที่นี่มีบริการตั้งแต่ 08.00 - 16.30 น. ค่าบัตร เด็ก 10 บาท ผู้ใหญ่ 25 บาท โดยจะเป็นรถรางที่ใช่รถไถลากไปแบบชิลล์ๆ ไปตามสันเขื่อนซึ่งจะทอดผ่านจากเขต จ.ลพบุรี ไปถึง อ.วังม่วง จ.สระบุรี ให้นักท่องเที่ยวได้นั่งรับลมชมทัศนียภาพของเขื่อนกันแบบเต็มอิ่ม
การนั่งรถรางชมวิวเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ระยะทางไปกลับ 9,720 เมตร ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง เราจะได้เห็นถึงความงดงามและความยิ่งใหญ่ของเขื่อน ซึ่งเกิดจากพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ด้วยพระราชหฤทัยที่ทรงห่วงใยราษฎรซึ่งประสบปัญหาขาดแคลนน้ำและอุทกภัยเป็นประจำทุกปี ชื่อของเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ จึงมีความหมายว่า “เป็นเขื่อนเก็บกักน้ำที่มีประสิทธิภาพ”
เขื่อนป่าสัก คือเขื่อนดินซึ่งยาวที่สุดในประเทศไทย คือ 4,860 เมตร สามารถกักเก็บน้ำได้มากกว่า 960 ล้านลูกบาศก์เมตร และกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของจังหวัดลพบุรี ที่ใครๆ ก็ต้องแวะเที่ยวชม
การเดินทาง
จากกรุงเทพฯ ใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 1 ผ่านจังหวัดสระบุรี จากนั้นเลี้ยวขวาเข้าถนนหมายเลข 21 ถนนสระบุรี-หล่มสัก เข้าสู่จังหวัดลพบุรี ระยะทางประมาณ 21 กม. ให้เลี้ยวขวาไปถนนหมายเลข 3017 ไปทางอ.พัฒนานิคม ระยะทางอีกประมาณ 16 กม. ถึงเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์